อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ

ขอแนะนำให้รู้จัก อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ในมุมมองของผม ซึ่งเป็นคนที่นี่โดยกำเนิด  เกิดที่บ้านเลขที่ 29 ม.1 ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี  ปี พ.ศ.2511  ลองย้อนคิดดูแล้วกันครับว่า คนรุ่นคราวเดียวกันกับผม มีใครบ้างที่ไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาล  ...แฮ่ แฮ่ มีผมนี่แหละคนหนึ่ง (ด้วยความภาคภูมิใจ ที่รอดมาได้)

ผมเกิดปี 2511 เมื่อผมจำความได้ผมไม่ทราบหรอกว่าความเจริญเป็นอย่างไร  แต่สภาพแวดล้อมที่ผมอยู่ก็รู้สึกสนุกสนาน สะดวกสบายพอสมควร  ทางดินหน้าบ้าน คือเส้นทางที่ใช้สัญจรไปมา ชาวบ้านส่วนใหญ่จะใช้การเดิน  รถจักรยานมีไม่กี่คัน ที่เห็นบ่อยที่สุดคงเป็นของไปรษณีย์  ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ นับคันได้เลยในอำเภอนี้  รถยนต์ไม่มีครับ เพราะ ตอนนั้น ถนนสำหรับให้รถยนต์ วิ่งลงมาที่อำเภอนี้ไม่มี  แม่ผมซึ่งเป็นครู เล่าให้ฟังว่าเวลาแม่จะต้องไปราชการที่จังหวัด ต้องนั่งเรือหางยาว ทวนแม่น้ำมูลขึ้นไป ที่ อ.พิบูลมังสาหาร ใช้เวลาหลายชั่วโมง  แล้วจึงนั้งรถยนต์ต่อไป ต่อมาเข้าใจว่า จะมีการปรับปรุงทางเดินเท้าที่ลงจากภูเขา(อ.โขงเจียม อยู่ในหุบเขา สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ)  ให้เป็นถนนพอที่รถจะวิ่งได้  รถคันแรกที่ผมเห็นที่ อ.โขงเจียมคือรถ DODGE ของ ตำราจตระเวนชายแดน เป็นรถปิคอัพขนาดใหญ่  ทุกครั้งเด็กอย่างพวกผมจะวิ่งตาม และชอบที่จะดมเจ้ากลิ่นหอมๆ ลอยออกมาจากท้ายรถ (ก็คือกลิ่นเหม็นของควันจากท่อไอเสียนั่นเอง) เมื่อโดนผู้ใหญ่ดู ก็จะหยุดวิ่งตามรถคันนั้น

สิ่งแวดล้อม และวิวทิวทรรศน์ ก็เหมือนกับทุกวันนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ สภาพบ้านเรือนที่ไม่แออัด  ไม่มีเศษขยะ มีเสาไฟฟ้าเป็นไม้ เตี้ยๆ  มีโรงปั่นไฟฟ้า จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ช่วงหัวค่ำ  ริมแมน้ำโขงต้นไม้จะขึ้นหนาแน่น น่ากลัวสำหรับเด็กๆ อย่างผม  มี่ท่าเรือหน้าที่ว่าการอำเภอ ที่เป็นด่านพรหมแดนไทยลาว ไปในตัวด้วย  มองไปทางฝั่งประเทศลาวด้านทิศตะวันออก จะมองเห็น Runway สนามบิน  เป็นแนวยาวสีแดง บนภูเขาจัดเจน  ที่นี่ ไม่มีทีวี ส่วนวิทยุจะรับสัญญาณจากประเทศลาวได้ชัดเจนกว่าของไทย  อ.โขงเจียมจัดเป็นอำเภอที่ทุรกันดารมาก  ผมเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านด่าน เป็นโรงเรียนประชาบาลโรงเรียนเดียว ของที่นี่ ตอนหลังจึงมีการสร้างโรงเรียนมัธยมขึ้นมาอีกแห่ง

สถานที่ท่องเที่ยว ก็มีเหมือนปัจจุบัน แต่สำหรับพวกเราก็เฉยๆ ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร  ส่วนนักท่องเที่ยวจากที่อื่นมีน้อยมาก  ในปีหนึ่งน่าจะนับได้เลยว่ามีกี่คนเพราะการเดินทางไม่สะดวกกระมัง  คุณตาเคยพาผมไปเที่ยวที่ผาแต้มรู้สึกว่าไกลมาก  และเมื่อไปถึงบริเวณภาพเขียนที่ฝาผนังถ้ำ ซึ่งยังไม่มีใครเข้ามาดูแลจัดการ เอามือไปลูบดูที่รูปมือสีแดงๆ ที่คนโบราณทำไว้  ใจยังคิดแบบเด็กๆเลยว่าเดี๋ยวเราจะวาดรูปมือเราไส่บนฝาถ้ำบ้าง 




โปรดติดตามต่อไปครับ