สวัสดีครับ กระผมนาย กบ TOT รายงานตัวอีกครั้ง คราวนี้มาชวนทุกๆท่านไปร่วมทำบุญ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ผมก็ไม่ทราบจริงๆว่าการทำบุญของพุทธศาสนิกชนในปัจจุบันนั้น ผลแห่งการทำบุญ ศาสนาพุทธได้อะไรบ้าง ผมเองก็ไม่ได้เป็นพุทธศาสนานิกชนที่ดีนัก ศีล 5 ข้อ ที่ควรจะปฏิบัติได้ แต่ก็ถือได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือ หรือเปิดดูเรื่องราวต่างๆ ใน Website ก็ไม่พลาดที่จะค้นหาเรื่องของศาสนาพุทธมาอ่านอยู่เสมอ ผมประทับใจกับคำ คำหนึ่งที่ว่า "เหล็กที่แข็งแกร่งจะผุพังลงได้เพราะเนื้อของเหล็กเป็นสนิมเอง" เป็นคำ ที่น่าจะเปรียบเทียบได้กับพุทธศาสนาในประเทศไทย บ่อยครั้งที่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับ พระสงฆ์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เมื่ออ่าน หรือฟังแล้ว ทำให้รู้สึกถึงความน่าเป็นห่วงพระพุทธศานา เกิดความรู้สึกต่อต้านผู้ที่ทำให้เกิดข่าวนั้นๆ รู้สึกอยากปกป้อง อยากอธิายว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้คนเหล่านั้น ทำไม่เขาเหล่านั้นจึงไม่เกรงกลัวถึงบาปที่จะเกิดขึ้น จริงซินะ บาปอาจจะไม่ได้เดินถือไม้มาตี มาลงโทษผู้ทำผิด ในทันที แต่สิ่งหนึ่งที่ได้ในการทำผิดต่อคำสอนขององค์พระศาสดาคือ ผลประโยชน์ เงินทอง ที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย จากความเชื่อ และความศรัทธาของ ผู้ที่ยังงมงาน ไร้เหตุและผล
คราวนี้มาถึงเรื่องที่จะชวนไปทำบุญกันต่อ สืบเนื่องมาจาก เมื่อครั้งทำบุญเลี้ยงพระ ประจำปี 2552 ซึ่งคุณแม่พาลูกหลานทำบุญอยู่เป็นประจำทุกปี ที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของกระผมเอง แต่ปีนี้พิเศษหน่อย ผมขอไปทำบุญที่วัดที่อยู่ห่างไกลและขาดแคลนหน่อย เราจึงไปทำบุญกันที่บ้านเวินบึก ซึ่งเป็นบ้านที่คุณตาเคยอาศัยอยู่ที่นี่ในระยะหนึ่ง ในวันนั้นผมได้มีโอกาสได้สนทนากับพระรูปหนึ่ง ซึ่งร่วมอยู่ในคณะของพระที่มาฉันท์ภัตราหารในวันนั้นด้วย ทราบว่าท่านมาจากสำนักสงฆ์ถ้ำศิลาอาสน์ ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่บนภูเขา ไม่มีถนนที่รถจะไปถึง น้ำประปา และไฟฟ้าไม่มี พระสงฆ์ทั้งหมดจะเน้นในการปฏิบัตินั่งวิปสนากรรมฐาน ฉันท์มื้อเดียว ไม่มีโบสก์ ศาลา หอระฆัง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น ในวันนั้นเราจึงได้ทอดผ้าป่าถวายสังกะสี และปูนซีเมนต์ เพื่อสร้างห้องน้ำและห้องส้วม เป็นลำดับแรก ในโอกาสต่อมาผมจึงขึ้นไปที่วัดถ้ำแห่งนั้น สภาพของวัดเหมือนกับป่าโปร่งบนภูเขาหิน มีศาลา หลังคาเตี้ยๆ มุงสังกะสีขนาดกว้างประมาณ 10 x 10 เมตร ภายในมีพระพุทธรูป และเทียนไข ที่มีน้ำตาเทียนหุ้มอยู่จนสูง แสดงให้เห็นถึงการใช้งานมาอย่างมากมาย พื้นศาลาคือหินตามธรรมชาติ บริเวณใกล้ๆ มีถ้ำที่ใช้ไม้ปิดทำเป็นกุฎิหนึ่งหลัง และกุฎิหลังเล็กๆ อีก 2 หลัง มีห้องน้ำก่ออิฐฉาบปูน มุงสังกะสีใหม่เอี่ยม 1 หลัง เมื่อสนทนากับท่านอาจารย์มังกร (เจ้าอาวาส) จึงทราบว่าที่นี่ ท่านพระอาจารย์หลวงปู้คำคนิง จุลมณี เคยมาจำพรรษา ก่อนที่จะย้ายไป ที่ อ.โขงเจียม มีพระทั้งหมด 6 รูป ซึ่งเป็นพระธรรมยุติกนิกาย เน้นในเรื่องการวิปัสนากรรมฐาน ในหน้าแล้งที่นี่จะขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ เพราะมีถังเก็บน้ำไม่เพียงพอ สำหรับเก็บน้ำในหน้าฝน
ส่วนตัวผมเองได้เล็งเห็นว่า การทำบุญในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระศาสดาอย่างเคร่งครัด โดยจิตบริสุทธิ์ เมื่อสำเร็จสามารถถ่ายทอดวิธีปฏิบัติที่เข้าถึง ให้กับบุคคลอื่นต่อๆไปได้ ในเรื่องของ ศีล สมาธิ และปัญญา หรือ ไตรสิกขา เราเองที่ไม่ได้บวชเป็นพระ ก็สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตนเอง รวมถึงสังคม ทั้งชาวพุทธ และชาวโลกด้วย (ชาวต่างประเทศนิยมมาเรียนรู้เรื่องวิปัสนากรรมฐานเป็นจำนวนมาก)
จึงได้เล่าให้พี่น้องผองเพื่อนที่เคารพ สนิทสนมกันได้ฟัง และหลายคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าเราน่าจะได้ทำบุญด้วยกันสักครั้ง โดยร่วมกันตั้งกองผ้าป่า รวบรวมปัจจัยเพื่อสร้างถังเก็บน้ำฝน และกลดธุดงค์ ให้กับวัดนี้ให้ได้มากที่สุด โดยจะนำไปทอด ต่อจากพิธีทอดกฐิน ในวันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553